|
|
พระนามเดิม |
จันทร์ |
นามสกุล |
อินทสร |
ฉายา |
อินฺทสโร |
เกิด |
วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๓๗ |
สถานที่เกิด |
บ้านสระมะเขือ ตำบลสระมะเขือ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี |
บิดา |
นายแกน อันทสร |
มารดา |
นางนา อินทสร |
บรรพชา |
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๐ ณ วัดสระมะเขือ ตำบลสระมะเขือ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี |
พระอุปัชฌาย์ |
พระอาจารย์หล้า |
อุปสมบท |
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๗ ณ วัดท่าเกวียน ตำบลพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
พระอุปัชฌาย์ พระครูสารธรรมสุนทร วัดจอมศรี อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
พระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดปา วัดจอมมณี อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
พระอนุสาสนาจารย์ พระสมุห์ก้อย วัดมหาเจดีย์ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา |
การศึกษา |
|
๒๔๕๐ |
ได้ศึกษาอักขรสมัยอยู่ที่วัดสระมะเขือ จังหวัดปราจีนบุรี จนมีความรู้อ่านออกเขียนได้จึงย้ายมาอยู่วัดท่าเกวียน ตำบลพนมสารคาม อำเภอพนมสารคา จังหวัดฉะเชิงเทรา |
๒๔๕๗ |
ได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดท่าเกวียน ๑๐ ปี |
๒๔๖๖ |
ได้ย้ายไปศึกษาต่อที่วัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) จังหวัดพระนคร อยู่ในความอุปการะของพระครูวินัยธรเล็ก |
๒๔๖๖ |
สอบได้ น.ธ.ตรี สำนักเรียนวัดราชบุรณะ พระนคร |
๒๔๖๗ |
สอบได้ ป.ธ.๓ สำนักเรียนวัดพระเชตุพน พระนคร |
๒๔๖๘ |
สอบได้ น.ธ.โท สำนักเรียนวัดพระเชตุพน พระนคร |
๒๔๖๙ |
สอบได้ ป.ธ.๔ สำนักเรียนวัดพระเชตุพน พระนคร |
๒๔๗๐ |
สอบได้ ป.ธ.๕ สำนักเรียนวัดพระเชตุพน พระนคร |
๒๔๗๔ |
สอบได้ ป.ธ.๖ สำนักเรียนวัดราชบุรณะ พระนคร |
หน้าที่การงาน |
|
๒๔๗๑ |
เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดราชบูรณะ พระนคร |
๒๔๗๓ |
เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าเกวียน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา |
๒๔๗๓ |
ได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสวัดท่าเกวียนให้เป็นผู้จัดตั้งสำนักศาสนศึกษาวัดท่าเกวียน เปิดสอนทั้งแผนกธรรมและบาลี |
๒๔๗๘ |
เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าเกวียน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นเจ้าคณะอำเภอพนมสารคาม
เป็นพระอุปัชฌาย์ |
๒๔๙๘ |
เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนพนมสารคาม "พนมอดุลวิทยา" |
ผลงาน |
|
|
๑. ได้จัดตั้งสำนักศาสนศึกษาวัดท่าเกวียน เปิดสอนพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ เป็นต้นมา จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้เปิดการศึกษาบาลีวิสามัญศึกษา (บาลีมัธยม) เป็นสาขาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดไตรมิตรวิทยาราม อำเภอสัมพันธวงศ์ พระนคร เพื่อให้ภิกษุสามเณรในเขตอำเภอพนมสารคาม และเขตที่ใกล้เคียงได้มีสถานศึกษาเช่นเดียวกับภิกษุสามเณรในเมืองหลวง |
|
๒. ได้ก่อสร้างถาวรวัตถุทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในท้องถิ่น อาทิ ก่อสร้างศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฎีและอุโบสถทั้งที่วัดท่าเกวียนและวัดอื่นๆ ในอำเภอพนมสารคามและอำเำภอใกล้เคียง พร้อมทั้งให้คำปรีกษาแนะนำในการก่อสร้าง |
|
๓. ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลโดยมีผู้บริจาคเงินช่วยในการก่อสร้างกระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งชื่อโรงเรียนนี้ว่า "โรงเรียนวัดท่าเกวียนสัยอุทิศ" |
|
๔. ได้เชิญชวนสาธุชนให้ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนมัธยมต้นเป็นที่ดินจำนวน ๑๓ ไร่เศษ และได้ติดต่อประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการได้รับอนุมัติให้เงินงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน ๑ หลังและโรงฝึกงานอีก ๑ หลัง เรียกว่า "โรงเรียนพนมสารคาม" |
|
๕. ได้เชิญชวนสาธุชนให้ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนมัธยม ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๙๘ ได้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซื้อที่ดินได้ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ต่อมาวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๔๙๙ ได้ซื้อเพิ่มอีก ๒ ไร่ ๙๖ ตารางวา เป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท รวมเป็นที่ดิน ๑๓ ไร่ ๙๖ ตารางวา จากนั้นได้ติดต่อประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการจนได้รับอนุมัติให้เงินงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน ๑ หลัง เป็นเงิน จำนวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท และให้ชื่อโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ว่า โรงเรียนพนมสารคาม "พนมอดุลวิทยา" เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งเดียวและแห่งแรกของอำเภอพนมสารคาม |
สมณศักดิ์ |
|
๒๔๘๑ |
เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอ ชั้นโท ที่ "พระครูอดุลคณูปถัมภ์) |
๒๔๙๐ |
เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม |
๒๔๙๖ |
เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ "พระอดุลสารมุนี" |
มรณภาพ |
|
|
เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๒ เวลา ๑๒.๐๐ น. ด้วยโรคมะเร็งในกระเำพาะปัสสาวะ รวมสิริอายุ ๗๖ ปี พรรษา ๕๕ |